คอมพิวเตอร์

Posted on วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 | 0 ความคิดเห็น
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (computer engineering) เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและสร้างเครื่องหรือระบบคอมพิวเตอร์ และ ระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ ศาสตร์นี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การสื่อสาร และความเกี่ยวเนื่องระหว่างเรื่องทั้งสาม หลักสูตรการเรียนมุ่งเน้นทางด้าน ทฤษฎี กฎ และ การฝึกฝนปฏิบัติของทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และ คณิตศาสตร์ รวมถึงการประยุกต์เข้ากับปัญหาทางด้านการออกแบบคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์

วิศวกรคอมพิวเตอร์จะต้องเคยศึกษาการออกแบบระบบฮาร์ดแวร์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงระบบการสื่อสาร องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์จะเรียนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ดิจิทัล และ การสร้างส่วนต่อประสานระหว่างผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ และ ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจจะมีความรู้เน้นทางด้านฮารด์แวร์มากกว่าซอฟต์แวร์ หรือ มีความรู้พอ ๆ กันทั้งสองด้านก็ได้ แต่สิ่งที่โดดเด่นคือวิศวกรคอมพิวเตอร์จะมีความรู้ทางด้านการวิศวกรรมที่ดีด้วย

ปัจจุบันสาขาวิชาที่สำคัญในด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คือ ระบบฝังตัว การพัฒนาอุปกรณ์ที่มีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ฝังตัวภายใน เช่น อุปกรณ์สื่อสารอย่าง โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นวิทยุระบบดิจิทัล เครื่องบันทึกวิดีทัศน์ระบบดิจิทัล ระบบเตือนภัย เครื่องถ่ายรังสีเอ็กซ์ และ เครื่องมือผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการการผนวกรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ฝังตัวหรือของอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน

วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์


วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ (อังกฤษ: Mechatronics) เป็นสหวิทยาการเชิงประยุกต์ ที่นำวิชาพื้นฐานหลักว่าด้วย วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรม การควบคุมอัตโนมัติ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ มาบูรณาการเข้าด้วยกัน Mechatronics มาจากการผสมคำว่า "Mechanics" และ "Electronics" โดยวิศวกรจากบริษัท Yakawa Electric ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยการนำเทคโนโลยีในสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (CAD/CAM/CAE) คอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่ง และระบบควบคุม ผสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อนำผลของการผสมผสานไปพัฒนาในงานระบบอุตสาหกรรมอย่างสมบูรณ์

ตัวอย่างผลงานที่สร้างจากสาขาวิชานี้ได้แก่ “ระบบอัจฉริยะ” (Intelligent Systems) ซึ่งมีกลไกที่สามารถทำงานด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ ตามความต้องการที่กำหนดไว้ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ ตัวอย่างของระบบที่มีระบบเมคคาทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบ เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์กู้ภัย และอาคารอัจฉริยะ เป็นต้น

สำหรับในประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้เปิดสอนในหลักสูตรวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ ระดับปริญญาตรีเป็นแห่งแรก


วิศวกรรมโยธา (civil engineering) เป็นศาสตร์ของสาขาหนึ่งในทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ครอบคลุมการก่อสร้างตึก ตึกระฟ้า อาคาร สะพาน ถนน และระบบขนส่งอื่น ๆ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น เขื่อน คลอง ตลอดจนการทำรังวัดในงานสำรวจและแผนที่ รวมไปถึงการวิเคราะห์ทางธรณีและชลศาสตร์ และการบริหารจัดการการก่อสร้าง งานในทางด้านวิศวกรรมจะเน้นทางด้านการใช้วัสดุและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ สูงสุด ผู้ที่ประกอบวิชาชีพในสาขานี้เรียกว่า วิศวกรโยธา หรือเรียกกันว่า นายช่าง ในการทำงานในประเทศไทย ผู้ที่ประกอบวิชาชีพจะขึ้นทะเบียนกับสภาวิศวกรเพื่อรับ ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (กว.) โดยมีการจัดสอบระบบใหม่เริ่มต้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2552 ด้วยระบบสุ่มข้อสอบทั้งหมดผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (เฉพาะระดับ "ภาคีวิศวกร")

การศึกษาทางด้านวิศวกรรมโยธานั้นนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเนี่อง จากการ พัฒนาทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้าสามารถเรียกได้ว่าเป็น การพัฒนาแบบก้าวกระโดดซึ่งมีผลโดยตรงกับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมโยธาเช่นกัน ดังนั้นสถาบันการศึกษาหลายๆสถาบันจึงได้มีการปรับปรุงแผนการเรียนการสอนทาง ด้านวิศวกรรมโยธาให้มีความทันสมัยเพื่อผลิตบุคลากรทางด้านวิศวกรรมโยธา หรือที่เรียกกันว่า “วิศวกรโยธา” ที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานมากขึ้น

วิศวกรรมโยธาเป็นสาขาวิศวกรรมที่เก่าแก่ที่สุด โดยตอบสนองความต้องการของสังคม[1]


สาขา ย่อย
ตัวอย่างแผนที่ใช้ในการแบ่งโซนอาศัย สร้างโดยใช้ระบบ จีไอเอส (GIS) โดยโปรแกรม ชื่อ อาร์คจีไอเอส (ArcGIS)

*วิศวกรรมโครงสร้าง (Structural Engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณ สิ่งก่อสร้าง การศึกษาในสาขานี้จะเน้นในทางด้านงานคำนวณวิเคราะห์ ออกแบบโครงสร้างของสิ่งก่อสร้าง และแรงต้านทานของวัสดุ เพื่อหาวัสดุและขนาดของวัสดุที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ งานที่เกี่ยวข้องได้แก่ การก่อสร้างอาคาร เขื่อนหรือสะพาน เป็นต้น

*วิศวกรรม ก่อสร้างและการจัดการ (Construction Engineering and Management)
ศึกษาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารเป็นหลัก โดยเน้นศึกษาทางด้านระบบการสร้างอาคาร การวางแผนงาน การประเมินราคาค่าก่อสร้าง นอกจากนี้ ในบางสถาบันจะมีการสอนเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบสุขาภิบาลภายใน อาคาร

*วิศวกรรมขนส่ง (Transportation Engineering)
ศึกษาแยกเป็น 2 สาขาหลักคือระบบและวัสดุ โดยงานทางด้านระบบจะเน้นทางด้านการวางผัง การจราจร และการจัดการทางด้านงานจราจร โดยทำการศึกษาถึงประโยชน์และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างระบบถนน สำหรับงานทางด้านวัสดุจะเน้นในการศึกษาวัสดุในการทำถนน ได้แก่ คอนกรีตและยางมะตอย เป็นหลัก โดยศึกษาถึงกรรมวิธีในการสร้างถนนและปรับปรุงถนน

*วิศวกรรมเทคนิค ธรณี (Geotechnical engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางด้านฟิสิกส์และวิศวกรรมของดิน เพื่อการวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมโยธา

*วิศวกรรมธรณี (Geological engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางด้านฟิสิกส์ วิศวกรรมของหิน และธรณีวิทยาประยุกต์ เพื่อการวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ปัญหาด้าน*วิศวกรรมโยธาและเหมืองแร่

*วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (Environmental Engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมในน้ำและในอากาศ การปรับปรุงคุณภาพของของเสีย

*วิศวกรรมแหล่งน้ำ (Water Resource engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับงานทางด้านแหล่งน้ำ ปริมาณน้ำฝน และระบบการระบายน้ำ รวมทั้งการก่อสร้างคู คลอง และแม่น้ำ

*วิศวกรรมสำรวจ (Survey Engineering)
ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทำรังวัดและงานทางด้านสำรวจ สำหรับใช้ในทางด้านแผนที่ รวมถึงการศึกษาทางด้าน จีพีเอส (GPS) และ ภูมิสารสนเทศ (Geoinformatics หรือ Geographic information system;GIS)


วิศวกรรมโทรคมนาคม

วิศวกรรมโทรคมนาคม เป็นวิศวกรรมศาสตร์ที่เกิดจากการรวบรวมองค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมไฟฟ้า มาเป็นองค์ความรู้เฉพาะทาง และเป็นวิศวกรรมที่ซับซ้อนเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ชั้นสูงหลายๆ ด้าน

งานวิศวกรรมโทรคมนาคมเป็นการรวบรวมวิศวกรรมแทบทุกสาขามาในงานวิศวกรรมโทร คมนาคม แม้แต่งานด้านวิศวกรรมโยธา ก็ยังเกี่ยวข้องกับวิศวกรรมโทรคมนาคม เช่น การวางฐานราก เสาตั้งสายอากาศ เป็นต้น หรือแม้แต่ทางการแพทย์ ก็มีการใช้วิศวกรรมโทรคมนาคมชั้นสูงมาประยุกต์ใช้ เช่น ความถี่วิทยุ และใยแก้วนำแสง มาประยุกต์ใช้ในการตรวจและรักษาผู้ป่วย เป็นต้น

วิศวกรรมโทรคมนาคม ทำให้เกิดมีทรัพยากรคลื่นวิทยุ (Radio Wave)กลายเป็นทรัพยากรของมนุษย์โลกที่มีค่าประเมินไม่ได้เกิดขึ้นจากงาน วิศวกรรมโทรคมนาคม และเปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์อย่างกว้างขวาง กลายเป็นคลื่นลูกที่สามของการเปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์โลก (Third Wave Concept) และการขับเคลื่อนของระบบเศรษฐกิจของประเทศใดๆ ล้วนขึ้นอยู่กับ เครือข่าย (Network)

ปัจจุบันงานวิศวกรรมโทรคมนาคม ค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรวดเร็ว และมีวงจรชีวิตของสินค้า หรืออุปกรณ์โทรคมนาคม สั้นลง (Shortly Technology Life Cycle)และมีความซับซ้อนสูงขึ้น พร้อมๆ ไปกับการมีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปด้วยดังที่เราเห็นกันทั่วไปในปัจจุบัน

ระบบ โทรคมนาคม

ระบบโทรคมนาคม ได้คิดค้นและพัฒนาโดยวิศวกรโทรคมนาคม และผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงโทรคมนาคม อาทิ อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์(en:Alexander Bell) ผู้คิดค้นโทรศัพท์ จอน โลกี้ แบรด (en:John Logie Baird) ผู้คิดค้นโทรทัศน์ และ กูลเลียโม มาโคนี่ (en:Guglielmo Marconi) ผู้คิดค้นวิทยุสื่อสาร

การสื่อสารโทรคมนาคม อาจแบ่งได้เป็นสองประเภท ดังนี้

1. การสื่อสารที่เชื่อมต่อด้วยสาย (Wired) เช่น โครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน โครงข่ายโทรเลข เป็นต้น
2. การสื่อสารที่เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) เช่น โครงข่ายโทรศัพท์มือถือ โครงข่ายดาวเทียม เป็นต้น

วิศวกรรมซอฟต์แวร์


วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (อังกฤษ: software engineering) เป็นศาสตร์เกี่ยวกับวิศวกรรมด้านซอฟต์แวร์ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการใช้กระบวนการทางวิศวกรรมในการดูแลการผลิต ตั้งแต่การเริ่มเก็บความต้องการ การตั้งเป้าหมายของระบบ การออกแบบ กระบวนการพัฒนา การตรวจสอบ การประเมินผล การติดตามโครงการ การประเมินต้นทุน การรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงการคิดราคาซอฟต์แวร์เป็นต้น

วิศวกรรมซอฟต์แวร์ประยุกต์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการ โครงการ และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่สามารถปฏิบัติงานตามเป้าหมาย ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

วิศวกรรมซอฟต์แวร์เป็นศาสตร์ที่ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากในปัจจุบัน ซอฟต์แวร์มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีการวิศวกรรมที่จะควบคุมและดำเนินการผลิต ที่มีประสิทธิภาพ สามารถวัดผลได้ และ สามารถตรวจหาข้อผิดพลาดพร้อมสาเหตุได้ อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ตั้งแต่อยู่ในระหว่างการผลิตได้อีก ทั้งยัมีการทบทวนและตรวจสอบ

วิศวกรรม ซอฟต์แวร์

วิศวกรรมซอฟต์แวร์ คือ การประยุกต์ใช้ระบบ กฎเกณฑ์ การเข้าถึงซึ่งสามารถวัดประเมินได้ในการพัฒนา การปฏิบัติการ และการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ และในการศึกษาสิ่งเหล่านี้ ก็คือการประยุกต์ใช้งานทางด้านวิศวกรรมมาจัดการกับซอฟต์แวร์

ข้อตกลงทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในการประชุมวิศวกรรมซอฟต์แวร์นาโต ที่จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1968 และได้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ "วิกฤติการณ์ซอฟต์แวร์" ในขณะนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วิศวกรรมซอฟต์แวร์ก็ได้กลายมาเป็นศาสตร์และแขนงของการศึกษาเฉพาะ ในการสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น มีราคาถูกลงเป็นที่ยอมรับได้ ดูแลรักษาได้ง่าย และพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ตั้งแต่นั้นก็ยังคงมีการเปรียบเทียบวิศวกรรมซอฟต์แวร์กับวิศวกรรมแขนงอื่น ยังคงมีการถกเถียงกันว่าวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่แท้จริงคืออะไร และวิศวกรรมซอฟต์แวร์สมควรเป็นหนึ่งในสาขาวิศวกรรมหรือไม่ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ได้ขยายวงกว้างอย่างไร้ขีดจำกัดไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยว ข้องกับซอฟต์แวร์ เช่น โปรแกรมเมอร์ การพัฒนาซอฟแวร์ในบางครั้งข้อตกลงอาจขึ้นอยู่กับผู้ที่มีส่วนสำคัญใน อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการสร้างซอฟต์แวร์ แต่กระนั้นวิศวกรรมซอฟต์แวร์ก็ยังเป็นที่ใฝ่ฝันของวัยรุ่นในการประกอบอาชีพ ในนิตยสาร Money Magazine ได้กล่าวว่า อาชีพในแขนงวิศวกรรมซอฟต์แวร์มีแนวโน้มอนาคตที่สดใส[1] และในเว็บไซต์ Salary.com ได้กล่าวว่าอัตราเงินเดือนในอาชีพวิศวกรรมซอฟต์แวร์มีอัตราสูงที่สุดใน ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2006[2]
[แก้] วิชาชีพ

ในบางสาขาอาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ในมลรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ใบอนุญาตของวิศวกรทางด้านซอฟแวร์ ในหลาย ๆ พื้นที่ในโลก ไม่มีกฎหมายควบคุมอาชีพวิศวกรทางด้านซอฟแวร์ แต่มีข้อกำหนดบางอย่างจาก สถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเลคโทรนิค(Institute of Electrical and Electronics Engineers: IEEE)และสมาคมคอมพิวเตอร์ (ACM) ซึ่งเป็นองค์กรหลักในด้านวิศวกรรมซอฟแวร์ ใน IEEE ได้กำหนดแนวทางไว้ในองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมซอฟแวร์เมื่อปี ๒๕๔๗ ได้กำหนดแนวทางและกำหนดกรอบความรู้ที่วิศวกรด้านซอฟแวร์ควรรู้ และยังกำหนดจรรยาบรรณของวิศวกรซอฟแวร์ และนอกจากนี้ IEEE ยังมีการตีพิมพ์พจนานุกรมว่าด้วยวิศวกรรมซอฟแวร์และวิศวกรรมระบบ
[แก้] การ จ้างงาน

ในปี 2004 ในสหรัฐอเมริกา สำนักแรงงานสถิติ นับ 760840 ซอฟต์แวร์วิศวกร ถืองานในสหรัฐอเมริกา; ในช่วงเวลาเดียวกันมีบาง 1.4 ล้านประกอบทำงานในสหรัฐอเมริกาในอื่นๆทั้งหมดรวมวิศวกรรมฝึกหัด เนื่องจากความญาติเป็นความแปลกฟิลด์การศึกษาทางการศึกษาในวิศวกรรมซอฟต์แวร์ นั้นมักจะสอนเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และเป็นผล มากที่สุดซอฟต์แวร์วิศวกรถือด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์องศา

ส่วนใหญ่ ซอฟต์แวร์วิศวกร ทำงานเป็นพนักงานหรือผู้รับเหมา วิศวกรซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับธุรกิจหน่วยงานราชการ (พลเรือนหรือทหาร) และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร บางซอฟต์แวร์วิศวกรสามารถทำงานด้วยตนเองได้ บางองค์กรมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละดำเนินงานใน กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ องค์กรอื่น ๆ ต้องทำวิศวกรซอฟต์แวร์จำนวนมากหรือทั้งหมดของพวกเขา มากในโครงการคนอาจชำนาญในเดียวบทบาท โครงการขนาดเล็กคนอาจกรอกหลายหรือทั้งหมดบทบาทในเวลาเดียวกัน Specializations ประกอบด้วย: ในอุตสาหกรรม (นักวิเคราะห์ สถาปนิก นักพัฒนา ทดสอบ การสนับสนุนทาง เทคนิค ผู้จัดการ) และในด้านวิชาการ (นักวิชาการศึกษา นักวิจัย)

มีความถกเถียงในอนาคตโอกาสการจ้างงานสำหรับวิศวกรและซอฟต์แวร์อื่นๆ ไอที ผู้เชี่ยวชาญด้าน ตัวอย่างเช่นออนไลน์ล่วงหน้าตลาดที่เรียกว่า "อนาคตของ ITJOBS ไอทีงานในอเมริกา" พยายามตอบว่าจะมีเพิ่มเติมไอทีงานรวมทั้งซอฟต์แวร์วิศวกรในกว่า 2012 มีใน ค.ศ. 2002


Wiki letter w.svg ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียไทยได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้


การ รับรอง

การรับรองวิชาชีพของ วิศวกรซอฟต์แวร์ ยังเป็นเรื่องโต้แย้งกันอยู่ บ้างก็เห็นว่าใบรับรองเป็นเครื่องมือสำหรับยกระดับหลักปฏิบัติของมืออาชีพ และ วัตถุประสงค์ของการให้ใบรับรองวิชาชีพวิศวกรซอฟต์แวร์ เป็นการปกป้องสาธารณะ[1] สมาคมคอมพิวเตอร์หรือ ACM มีการรับรองวิชาชีพในปี 1980 และถูกยกเลิกไปเนื่องจากขาดความสนใจ ACM ได้มีการตรวจสอบความเป็นไปได้ของการรับรองวิชาชีพ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ในปี 1990 แต่ในที่สุดการรองดังกล่าวก็ถูกตัดสินว่าไม่เหมาะสมในเรื่องการรับรอง วิชาชีพในอุตสาหกรรมของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ในปี 2006 สมาคม IEEE ได้มีการรับรองวิชาชีพซอฟต์แวร์เกิน 575 ราย ในประเทศแคนาดา Canadian Information Processing Society ได้สร้างกฎหมายที่รู้จักเพื่อรองรับอาชีพข้อมูลระบบผู้เชี่ยวชาญ สถาบันวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ได้ให้การรับรองที่ระบุหัวข้อขึ้น เช่นความปลอดภัย การปรับปรุงกระบวนการของสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ การรับรองโปรแกรมส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีเป็นการรับรองเชิงเฉพาะด้าน เทคโนโลยี และมีการจัดการโดยผู้ขายเทคโนโลยีเหล่านี้ โปรแกรมเหล่านี้มีการรับรองที่เหมาะสมกับสถาบันที่จะว่าจ้างให้บุคคลที่ใช้ กับเทคโนโลยีนั้น


วิศวกรรม สารสนเทศและการสื่อสาร

วิศวกรรม สารสนเทศและการสื่อสาร

วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (อังกฤษ: Information and Communication Engineering (ICE)) เป็นสหวิทยาการทางวิศวกรรมเชิงประยุกต์โดยเป็นสาขาทางวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ทางวิศวกรรมว่าด้วยการใช้ความรู้ทางวิศวกรรมในการผลิตระบบ สารสนเทศและระบบการสื่อสาร สำหรับอุตสาหกรรมหรือองค์กรวิสาหกิจที่มีสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและ สารสนเทศขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรวิสาหกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจสารสนเทศเพื่อการสื่อสารระดับประเทศ ระบบข้อมูลสารสนเทศดาวเทียม อุตสาหกรรมเกมและศึกษาบันเทิง ระบบเครือข่ายองค์กรวิสาหกิจ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ของวิสาหกิจขนาดใหญ่ เป้นต้น

วิศวกรสารสนเทศและการสื่อสารจะมีความรู้ทางด้านวิศวกรรมทั่วไป โดยเน้นความรู้พื้นฐานในการพัฒนาซอฟต์แวร์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ การสื่อสารสารสนเทศ ระบบเครือข่าย ศาสตร์การบริหารจัดการ การประมวลและการจัดการวิสาหกิจ ระบบสารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกล่าวได้ว่าเป็นการผนวกรวมองค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และวิศวกรรมโทรคมนาคม เข้าด้วยกัน

ปัจจุบัน วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ดำเนินการเปิดการเรียนการสอนในประเทศไทยเป็นแห่งแรก ณ ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม สาขาวิชาวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (ICE)]มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
[แก้] จบ แล้วได้อะไร

วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นสหวิทยาการทางวิศวกรรมเชิงประยุกต์ดังนั้นผู้ศึกษาทางด้านนี้จะมีองค์ ความรู้ในหลายๆส่วนเข้าด้วยกันดังต่อไปนี้

* ทางด้านโทรคมนาคม
o ระบบโครงข่ายโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ (Telecom Network and Computer Network)
o PAN, LAN, WAN, MAN, IP, ARP, Routing, IPTable, Firewall, DNS, NAT, PAT, VLAN, VPN, MPLS
o ระบบสายส่งแบบมีสายและไร้สาย (Wire Line and Wireless)
o Wireless LAN, Wiremax, Zigbee, Bluetooth, RFID, RF, Media Communication, Twisted-pair Network Cables, Coaxial
o ระบบสื่อสารต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ การสื่อสารผ่านดาวเทียม (Mobile Phone, Satellite)
o Cellular, GSM ,GPRS , EDGA, CDMA, CDMA 2000-1x, CDMA2000 1xEV-DO, WCDMA, UMTS, GPS
o การสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสงและระบบสายอากาศ (Optical Fibre, Antenna)
o Fiber to the Home (FTTH)

* ทางด้านคอมพิวเตอร์
o ระบบปฏิบัติการ (Operation System) เช่น Linux, Unix, Window, Window Server
o ภาษาโปรแกรมสมัยใหม่ (Modern Language) เช่น C, C++, Java, ASP, PHP, HTML, Visual C++,Visual Studio .Net
o ระบบฐานข้อมูล (Database) เช่น SQL, Oracle
o การติดตั้งเซฟเวอร์ (Installation and Configuration) เช่น WEB Server, SQL Server, Mail Server, FTP Server, DNS Server
o การเขียนโปรแกรมเพื่อจัดการระบบเครือข่าย

จบ แล้วทำงานอะไร

วิศวกรสารสนเทศและการสื่อสารมีความรู้ด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีโครงข่ายคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมที่เป็นเครื่องมือสำคัญในภาค ธุรกิจปัจจุบันทั้งในธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่มีเครื่องมือสื่อสารเป็นของตนเอง แหล่งงานที่รองรับได้แก่

บริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและมีสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท AT&T, บริษัท IBM, บริษัท SUN Microsystems, บริษัท LUCENT Technology, บริษัท CISCO เป็นต้น วิศกรที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติเหล่านี้จะมีรายได้ต่อเดือนสูงมาก วิศวกรดูแลระบบคอมพิวเตอร์และการสื่อสารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิศวกร พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศตามบริษัทต่างๆ ระบบโครงข่ายธนาคารและห้างสรรพสินค้าเป็นต้นวิศวกรพัฒนาโปรแกรมและระบบ คอมพิวเตอร์อิสระรับทำงานทั่วไปให้แก่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นวิศวกรที่สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นเจ้าของกิจการได้วิศวกรออกแบบติดตั้ง และดูแลระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ได้แก่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัทการสื่อสารแห่งประเทศไทย จำกัด, บริษัท ไทยคม, บริษัท AIS, บริษัท DTAC, บริษัท True, บริษัท Telecom Asia, บริษัท TT&T, บริษัท Ericsson, บริษัท Nokia, บริษัท AT&T, และบริษัท SIEMENS เป็นต้นวิศวกรติดตั้งและดูแลระบบสื่อสารเคเบิลใยแก้ว ระบบไมโครเวฟ ระบบสื่อสารดาวเทียม วิศวกรออกแบบติดตั้งและดูแลระบบสถานีวิทยุโทรทัศน์ ที่มีสถานีทวนสัญญาณทั่วประเทศ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องต่างๆ วิศวกรดูแลระบบสื่อสารการบินพาณิชย์ เช่น บริษัท การบินไทย, บริษัท วิทยุการบิน จำกัด
[แก้] บท ความที่เกี่ยวข้อง

ศ.ดร.อธิคม ฤกษบุตร OSK98(94): วิศวกรรมยุคใหม่...เรียนอย่างไรไม่ตกงาน

วิศวกรรมยุคใหม่...เรียนอย่างไรไม่ตกงาน โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2551 08:52 น.

ปัจจุบัน "วิศวกร" ยังเป็นอาชีพท็อปฮิตของเด็กๆ ทุกยุคสมัย เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ถูกมองว่าทำเงินได้เป็นจำนวนมากมีตลาดงานรองรับ เกือบทุกสถาบันมีการเปิดสอนวิศวกรรมศาสตร์อย่างแพร่หลาย และเป็นสาขาวิชาที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การสร้างวิศวกรรุ่นใหม่ที่ต้องการเติบโตในวิชาชีพนี้ จึงเป็นหน้าที่สำคัญของสถาบันการศึกษา

ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. อธิคม ฤกษบุตร OSK98(94) รองอธิการบดีและคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ผู้คร่ำวอดในวงการวิศวกรมาเป็นเวลาหลายปี กล่าวว่า ประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องใช้วิศวกรเป็นจำนวนมาก ทำให้ความนิยมของวิศวกรในสาขาไฟฟ้า และ เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์รวมไปถึงสารสนเทศกำลังมาแรง “ด้วยเหตุผลที่ว่าการทำงานต่างๆจำเป็นต้องใช้เครื่องมือระบบอัตโนมัติ ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจวัดกันที่ความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูล ใครมีข้อมูลมาก และนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ดี ก็จะได้เปรียบในการแข่งขันของภาคธุรกิจ เราจะเห็นได้ว่า การรวบรวมข้อมูลจะแตกต่างจากอดีต ข้อมูลที่มีทุกชนิด จะมีส่วนสำคัญหรือมีผลเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรทั้งสิ้น รวมถึงการทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดด้วย ปัจจุบันข้อมูลที่ไม่ได้นิ่งอยู่กับที่ แต่สามารถเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานแต่ละแห่งผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตได้ เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจว่า สายงานด้านคอมพิวเตอร์สารสนเทศจึงค่อนข้างจะเป็นที่นิยม เพราะว่าในตลาดกำลังต้องการแรงงานด้านนี้เป็นจำนวนมาก”

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้สายงานวิศวกรกำลังเป็นที่นิยมของหมู่นิสิต นักศึกษายุคใหม่ “ลักษณะงานกำลังพลิกโฉมหน้าไปจากเดิม ๆ อย่างนักศึกษาในปัจจุบัน บางทีอาจจะต้องมองไปถึงงานในอนาคตเพราะกว่าตัวเองจะจบได้ปริญญาก็ต้องใช้ เวลาอีก 3-5 ปี เพราะถ้าถึงเวลานั้นงานอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะไม่เหมือนกับบริษัท หรือผู้ประกอบการมักจะมองออกว่างานจะเป็นไปแบบไหน แต่ในยุคปัจจุบันจะไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดการข้อมูลเพียงอย่างเดียวแต่จะ มีเรื่องของการสื่อสารข้อมูลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น”

ทั้งนี้ ทำให้เกิดระบบเชื่อมโยงข้อมูลที่เรียกว่า " ระบบเครือข่าย " ฉะนั้นการจัดการข้อมูลอย่างเดียวที่เป็นอยู่ตอนนี้จะใช้ไม่ได้แล้วแต่จะเป็น การจัดการระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งศาสตร์ด้านวิศวกรรมรองรับการจัดการด้านนี้ได้โดยตรง

รองอธิการบดี กล่าวเสริมอีกว่า "คอมพิวเตอร์ในอดีตอาจจะพูดถึงฮาร์ตแวร์และซอฟแวร์ แต่ปัจจุบันจะพูดถึงการเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายไปด้วย กัน เพราะฉะนั้นศาสตร์ในปัจจุบันจะแยกขยายออกไปหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นก็สำคัญกระบวนการจัดการข้อมูล คอมพิวเตอร์ก็ยังจำเป็นอยู่ เพราะมีข้อมูลที่มีรูปแบบต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีจัดการ โดยข้อมูลในอนาคตจะเป็นรูปภาพและภาพยนตร์เช่นวีดิโอคลิปมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาอีกด้านหนึ่ง อาทิ แอนิเมชั่น หรือ สื่อบันเทิงต่างๆ แทรกเข้ามาด้วย"

สำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นเครือข่าย ในปัจจุบันมีความจำเป็นมากเพราะทุกองค์กรต้องมีการติดต่อเชื่อมโยงกัน ซึ่งจะคล้ายอินเทอร์เน็ต แต่จะทำมากกว่านั้นคือ จะมีการถ่ายโอนข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีความเชื่อมโยงกับ สาขาวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (ICE – Information & Communication Engineering) ที่กำลังเปิดสอนอยู่ในตอนนี้

"วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสารหรือ ไอซีอี คือการรวบรวมความรู้เกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์เชิงวิศวกรรม,ด้านสื่อสารโทร คมนาคมเชิงวิศวกรรม และด้านของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเรียกรวมได้ว่า เป็นศาสตร์วิศวกรรมโทรคมนาคมยุคใหม่ ซึ่งนักศึกษาที่เรียนรู้ทางด้านนี้จะมีความรู้ครอบคลุมสามารถทำงานในสังคม ยุคใหม่ได้ทั่วโลก ที่สำคัญปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มมีความต้องการ ผู้ที่จบวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสารเพิ่มมากขึ้นแล้ว" รศ. ดร.อธิคม กล่าวทิ้งท้าย

วิศวกรรมสารสนเทศ

วิศวกรรมสารสนเทศ (Information Engineering) เป็นสาขาทางวิศวกรรมศาสตร์ ว่าด้วยการนำความรู้ทางวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดการข้อมูลข่าวสาร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อความต้องการของมนุษย์

การจัดการข้อมูลข่าวสาร ในที่นี้นั้นหมายถึงการกระทำใดๆต่อข้อมูล เช่น การจัดเก็บ การรับส่งข้อมูล การประมวลผลข้อมูล เป็นต้น

สาขาวิชาวิศวกรรมสารสนเทศ จะมุ่งเน้นการศึกษาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในสาขาต่างๆ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ตลอดจนถึงสาขาทางวิศวกรรมไฟ้ฟ้าอื่นๆ เช่น ระบบควบคุม เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แล้วส่งผ่านระบบโครงข่ายการสื่อสารแบบมี สายหรือแบบไร้สายไปยังปลายทาง ตลอดจนการจัดเก็บและการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เป็นต้น
[แก้] วิศวกรรม สารสนเทศในประเทศไทย

วิศวกรรมสารสนเทศเป็นสาขาใหม่ของ ภาควิชาเทคนิคอุตสาหกรรมคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มองย้อนกลับไปเมื่อ พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้โอนเข้าสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เมื่อเริ่มแรกนั้นคณะวิศวกรรมศาสตร์มีภาควิชาเพียง 3 ภาค ได้แก่ ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และภาควิชาเทคนิคอุตสาหกรรม

ภาควิชาเทคนิคอุตสาหกรรม เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2517 เริ่มแรกภาควิชานี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์นนทบุรี และตึกโทรคมนาคมที่ลาดกระบัง โดยเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต (อส.บ) สาขาวิชาเทคโนโลยีโทรทัศน์เพียงสาขาเดียว โดย รับนักศึกษาที่จบ ป.ว.ส. สาขาไฟฟ้าโทรคมนาคม สาขาอิเล็กทรอนิกส์และสาขาวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งมีการเรียนรอบค่ำเป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2539 ได้เปิดสอนสาขาเทคโนโลยีโทรคมนาคม และสาขาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นอีก และได้ย้ายภาควิชาจากตึกโทรคมนาคมมาอยู่ที่อาคาร 12 ชั้นคณะวิศวกรรมศาสตร์

เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งทางภาควิชาได้มีการทำวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนทางด้าน Broadcasting จากรัฐบาลญี่ปุ่นมาตลอด ทางภาควิชาจึงได้ผลักดันหลักสูตรวิศวกรรมสารสนเทศ เข้าในแผน 8 ในปี พ.ศ. 2536 และต่อมาปี พ.ศ. 2539 ทางทบวงมหาวิทยาลัย ได้อนุมัติให้ทำการเปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมสารสนเทศ ได้ในปี พ.ศ. 2541 ซึ่งภาควิชานี้เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดทำการเรียนการสอนหลักสูตรวิศวกรรม สารสนเทศ

วิศวกรรมชายฝั่ง


วิศวกรรมชายฝั่ง เป็นสาขาเฉพาะที่ย่อยออกมาจากวิศวกรรมโยธา ความรู้ที่วิศวกรชายฝั่งสนใจได้แก่

1. คลื่นที่เคลื่อนที่เข้าสู่ฝั่ง ในด้านความสูงคลื่น คาบคลื่น และทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น
2. ความสูงคลื่นแตกตัว
3. อัตราการเคลื่อนที่ของตะกอนชายฝั่ง
4. การออกแบบสิ่งก่อสร้างชายฝั่งเช่น เขื่อนกันคลื่น (breakwater), รอดักทราย (groin), กำแพงกันคลื่น(seawall), ท่าเรือขนาดใหญ่ (port) ซึ่งจะส่งผลให้สภาพชายฝั่งบริเวณใกล้เคียง กระแสน้ำ และลักษณะคลื่น ได้รับผลกระทบ


ไม่นานมานี้ สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมได้กำหนดกฏเกณฑ์ให้สิ่งก่อสร้างทุกชนิดที่ จะทำการก่อสร้างในทะเลต้องได้จัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อน ดังนั้นวิศวกรรมชายฝั่งจึงเป็นสาขาวิชาความรู้ที่มีความสำคัญและเป็นที่ต้อง การในการพัฒนาประเทศ


ในปัจจุบันนี้วิศวกรรมชายฝั่งได้รับความสนใจมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มประเทศไทย การคำนวณระยะเวลาที่คลื่นจะเคลื่อนที่จากจุดที่เกิดแผ่นดินไหวจนคลื่นกระทบ ฝั่งเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญของวิศวกรรมชายฝั่ง


นอกจากวิศวกรรมชายฝั่งจะเป็นความรู้ที่มีมาแต่อดีต ในปัจจุบันการคำนวณด้วยแบบจำลองคณิตศาสตร์ด้วยคอมพิวเตอร์มีบทบาทอย่างยิ่ง ในการวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ แบบจำลองด้านชายฝั่งที่เป็นที่นิยมได้แก่


1. แบบจำลองที่ใช้เพื่อพยากรณ์แนวชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งปลูกสร้าง ในทะเล เช่น LITPACK และ Genesis
2. แบบจำลองที่ใช้จำลองการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น MIKE21 PMS และ RCP WAVE
3. แบบจำลองที่ใช้วิเคราะห์ความสูงคลื่นในท่าเรือที่ต้องรวมคลื่นสะท้อน เช่น MIKE21 BW
4. แบบจำลองที่ใช้ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำหรือการฟุ้งกระจาย ของตะกอนและโลหะหนัก เช่น MIKE21 HD


อย่างไรก็ตามในสังคมปัจจุบัน ความรู้ด้านวิศวกรรมชายฝั่งอย่างเดียวอาจไม่สามารถบริหารจัดการชายฝั่งได้ดี จึงมีแนวคิดที่เรียกว่า การบริหารชายฝั่งแบบบูรณาการ หรือ Integrated Coastal Zone Management เกิดขึ้น บุคคลที่มีความรู้ด้านวิศซกรรมอย่างเดียวอาจไม่สามารถบริหารจัดการชายฝั่ง ได้ ดังนั้นผู้จัดการชายฝั่ง (Coastal manager) จึงควรมีความรู้ไม่เฉพาะด้านวิศซกรรมอย่างเดียว แต่ต้องมีความรูด้านอื่นด้วย เช่น การบริหารข้อขัดแย้ง (Conflict Resolution) เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Economic), สิ่งแวดล้อม, และการศึกษาด้านนโยบาย (Policy Analysis) เป็นต้น

วิศวกรรมสมุทรศาสตร์


วิศวกรรมสมุทรศาสตร์ (อังกฤษ: Oceanic Engineering หรือ Ocean Engineering) เป็นสาขาทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบทางวิศวกรรมที่ซับซ้อน เพื่อใช้กับสภาพแวดล้อมทางทะเล(รวมถึงมหาสมุทร) โดยใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์ทั่วๆไป รวมกับความรู้ทาง ชลพลศาสตร์(hydrodynamics), กลศาสตร์ทางโครง สร้าง (structural mechanics), ปรากฏการณ์ การสั่นประเทือน (vibratory phenomina), การแปลงพลังงาน (energy conversion), วัสดุศาสตร์ และ อิเล็กทรอนิกส์

จริงๆแล้ววิศวกรรมสมุทรศาสตร์เป็นสาขาที่ประยุกต์ความรู้ทางวิศวกรรม หลายๆด้านเช่นวิศวกรรมเครื่องกล,วิศวกรรมโยธา, วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวกรรมเคมี และวิศวกรรมเสียง(Acoustical Engineering)เข้าด้วยกันกับศาสตร์ทางด้านนาวาสถาปัตยกรรม (Naval Architecture)และวิทยาศาสตร์ทางทะเล (Ocean Science)

งานของวิศวกรสมุทรศาสตร์จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส ธรรมชาติ, อุตสาหกรรมการเดินเรือและต่อเรือ, การสำรวจและวิจัยทางทะเล, งานทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมทั้งชายฝั่ง, แม่น้ำ, ทะเล, และมหาสมุทร

หัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจของวิศวกรรมสมุทรศาสตร์ได้แก่

* กระบวนการทางทะเลและชายฝั่ง(Ocean and coastal processes)ทั้งทางกายภาพ, เคมี, และชีวภาพ
* กลศาสตร์ของไหล
* โครงสร้างในทะเล ทั้งการออกแบบ, ก่อสร้าง, จัดการการใช้งาน, และการบำรุงรักษา
* โครงสร้างเรือและพาหนะทางทะเลทั้งออกแบบ, ก่อสร้าง, ดำเนินการใช้งานและบำรุงรักษา
* พาหนะควบคุมทางไกล(Remotely Operated Vehicles)
* เรือดำน้ำควบคุม ตนเอง(Autonomous Underwater Vehicles)
* อุปกรณ์ดำรงชีพ ใต้น้ำ(Underwater life support)
* เซนเซอร์และครื่องมือวัดทางทะเล
* การสำรวจทางทะเล
* การค้นหาและขุดเจาะแร่ธาตุ (Resource Extraction) เช่น น้ำมัน, แก๊สธรรมชาติ
* การบริหาร เทคโนโลยีทางทะเล(Management of Marine Technology)

วิศวกรรมเครื่องกล


วิศวกรรมเครื่องกล (อังกฤษ: Mechanical engineering) เป็นวิชาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์และกฎทางฟิสิกส์เพื่อการประดิษฐ์ การผลิต และการดูแลรักษาระบบเชิงกล วิศวกรรมเครื่องกลเป็นหนึ่งในสาขาทางวิศวกรรมที่เก่าแก่ที่สุดและมีขอบ ข่ายกว้างขวางที่สุด

การศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน ของหลักกลศาสตร์ พลศาสตร์ อุณหพลศาสตร์ กลศาสตร์ของไหลและพลังงานเป็นอย่างดี วิศวกรเครื่องกลนั้นสามารถใช้หลักการณ์พื้นฐานได้ดีพอกับความรู้อื่นๆในงาน ภาคสนามเพื่อการออกแบบและวิเคราะห์ยานยนต์ อากาศยาน ระบบทำความ ร้อนและความเย็น เรือ ระบบการผลิต จักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

วิศวกรรมระบบอุปกรณ์และการควบ คุม

วิศวกรรมระบบอุปกรณ์และการควบคุม อาจแบ่งแยกย่อยได้ 2 สาขาวิชา คือ วิศวกรรมการวัดคุม(INSTRUMENTATION ENGINEEERING) และ วิศวกรรมระบบควบคุม(CONTROL ENGINEERING)ซึ่งวิศวกรรมการวัดคุม จะเน้นเนื้อหาในด้านการวัดและควบคุมกระบวนการทางการผลิตเช่น อุณหภูมิ ระดับ ความดัน อัตราการไหล สายงานของวิศวกรด้านนี้จะมีอยู่ตามโรงงานอุตสาหกรรม หรือ อุตสาหกรรม ปิโตรเลียม เช่น โรงแยกก๊าซ ระบบการกลั่น น้ำมัน ส่วนวิศวกรรมระบบควบคุมนั้นจะเน้นในเรื่องของการควบคุมแบบเป็นขั้นตอน การจัดสร้างระบบควบคุมขึ้นมาจากการวิเคราะห์คำนวณอย่างถูกต้อง สายงานของวิศวกรระบบควบคุมนี้จะอยู่ในกระบวนการผลิตทั้งหลาย ที่มีการใช้ระบบที่มีความถูกต้องแม่นยำ เพื่อทำให้กระบวนการผลิตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบันวิศวกรทั้ง 2 สาขายังขาดแคลนอยู่มาก ซึ่งสถาบันการศึกษายังผลิตออกมาไม่เพียงพอ

วิศวกรรมโลหการ


วิศวกรรมโลหการ (metallurgical engineering) เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางโลหวิทยา (metallurgy หรือ metallurgical science) โดยเชื่อมโยงความหมายพื้นฐานจากใจความของโลหวิทยา ซึ่งหมายถึง การศึกษาความรู้ที่เกิดขึ้นแล้วเกี่ยวข้องกับโลหะ ตั้งแต่กระบวนการศึกษาโลหะในสภาวะสินแร่ กระบวนการคัดแยกโลหะออกจากสินแร่ กระบวนการปรับปรุงคุณภาพโลหะโดยการทำให้บริสุทธิ์หรือการปรุงแต่งเพื่อความ เหมาะสมตามคุณสมบัติที่ต้องการ การนำโลหะมาขึ้นรูปในลักษณะของโลหะรูปพรรณ (metal forming) ทรงยาว ทรงแบบ แท่ง ทรงยาวหน้าตัด เป็นต้น รวมทั้งการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์หรือวัตถุ เช่น การหล่อขึ้นรูป การทุบขึ้นรูป การรีดขึ้นรูป เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพอื่น ๆ ต่อเนื่องจากการขึ้นรูป ได้แก่ การตัดแต่งรูปทรง (machining) การปรับปรุงด้วยกระบวนการทางความร้อน (heat treatment) การปรับปรุงพื้นผิว (surface treatment) และกระบวนการวิศวกรรมพื้นผิว (surface engineering)

โลหการ หรือวิศวกรรมการโลหวิทยา จึงหมายถึง การนำโลหวิทยามาใช้ในกระบวนการทางวิศวกรรม เพื่อให้สามารถดำเนินการ ติดตาม และควบคุมให้เกิดผลได้ในเชิงวิศวกรรม โดยมุ่งเน้นความหมายทางวิศวกรรม ซึ่งก่อให้เกิดการประยุกต์และใช้ประโยชน์ได้ งานวิศวกรรมโลหการจึงเน้นไปในสายงานหรือกระบวนการเพื่อการผลิตชิ้นส่วนโลหะ ในอุตสาหกรรม ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนประกอบในงานก่อสร้าง เหล็ก โครงสร้างอาคาร และเครื่องจักร เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์จากแร่และโลหะอยู่ล้อมรอบตัวเราในทุกที่และทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่สนามกีฬา ในรถและพาหนะ ตลอดจนที่โรงเรียนและที่ทำงาน โดยจะเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นของ สิ่งก่อสร้าง เครื่องบิน รถไฟ เรือ จักรยาน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ หรือแม้กระทั่ง อาหาร เครื่องดื่ม และยารักษาโรค เนื่องจากโลหะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์ จึงทำให้อาชีพนี้คงความสำคัญไว้ได้ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเศรษฐศาสตร์และทางเทคนิคในยุคก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จะขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีแร่และโลหะเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อพัฒนาให้เกิดวัสดุคุณภาพเยี่ยมและมีราคาถูกในช่วงทศวรรษที่ เหลือหลังจากปี 2004 วิศวกรรมโลหการ (Metallurgical engineering) เป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแปรรูปวัสดุเพื่อที่จะแยกสกัด ทำให้บริสุทธิ์ และนำโลหะกลับมาใช้ใหม่ กระบวนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการพัฒนาและการใช้โลหะและโลหะผสมที่มี คุณสมบัติทางกายภาพที่เฉพาะเจาะจง วิศวกรรมโลหการแบ่งย่อยออกเป็นสามสาขาหลัก คือ การแต่งแร่ (Mineral processing) โลหวิทยาแยกสกัด (Extractive metallurgy) และโลหวิทยากายภาพ (Physical metallurgy) การแต่งแร่ เกี่ยวข้องกับการแยกผลิตภัณฑ์ที่มีค่าหรือหัวแร่ ซึ่งในหลายกรณีจะประกอบด้วยโลหะ ออกจากแร่ที่ได้จากการทำเหมืองแร่ (Mining) โลหวิทยาแยกสกัด เป็นการใช้กระบวนการทางเคมีที่อุณหภูมิสูงหรือในรูปสารละลายเพื่อเปลี่ยน สภาพสินแร่และวัตถุดิบอื่น อาทิ เศษโลหะ ให้กลายสภาพจากสารประกอบอนินทรีย์ (Inorganic compounds) เป็นโลหะที่มีประโยชน์และวัสดุพลอยได้อื่นฯ โดยกระบวนการทางเคมีที่อุณหภูมิสูงเรียกว่าโลหวิทยาความร้อนสูง (Pyrometallurgy) และกระบวนการทางเคมีในรูปสารละลายเรียกว่าโลหวิทยาสารละลาย (Hydrometallurgy) โลหวิทยากายภาพ เป็นการนำวิทยาการที่เกี่ยวกับโลหะมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์โลหะและ โลหะผสมในกิจกรรมการผลิตให้ได้สินค้าและเครื่องจักรที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับสังคมบริโภคยุคปัจจุบันที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง โดยมีสาขาย่อยที่เน้นเฉพาะคุณสมบัติทางกลซึ่งเรียกว่าโลหวิทยาทางกล (Mechanical metallurgy)
วิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering) เป็นวิศวกรรมศาสตร์สาขาที่เกี่ยวกับการออกแบบ พัฒนา วางแผน ควบคุม การวิจัยดำเนินงาน จัดการและประเมินผลระบบโดยรวมซึ่งครอบคลุมปัจจัยทุกๆด้านทั้ง บุคคล สารสนเทศ อุปกรณ์ พลังงาน วัสดุ รวมไปถึง การเงิน

วิศวกรรมอุตสาหการเป็นงานทางด้านการประยุกต์ที่เกี่ยวกับการวิจัยดำเนินงาน ทรัพยากรต่างๆ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินงานและทรัพยากร เพื่อบรรลุจุดประสงค์การดำเนินงานตามทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักการและวิธีการทางด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ทางวิศวกรรมรวมถึงคณิตศาสตร์ สถิติ ฟิสิกส์ การตลาด การบริหารการจัดการ สารสนเทศ เศรษฐศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ จิตวิทยา

งานของวิศวกรอุตสาหการ
จะเกี่ยวกับ การลดเวลาการปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่าย วัสดุ พลังงาน และทรัพยากรอื่นๆ รวมไปถึงงานการควบคุมคุณภาพของ การผลิตหรือการดำเนินงานเพื่อให้อยู่ในระดับที่ต้องการโดยหากลวิธีต่างๆ ในการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้คุ้มค่าที่สุด

ขณะที่วิศวกรรมสาขาอื่นๆจะเกี่ยวกับทักษะเฉพาะทาง วิศวกรรมอุตสาหการจะถูกใช้อย่างกว้างขวางในงานหลายๆด้าน ทั้งทางอุตสาหกรรมตลอดจนงานบริหารการดำเนินการต่างๆเช่น การจัดการรายได้ เช่น การจองที่นั่งของสายการบิน การจัดการคิวหรือลำดับการบริการของ สวนสนุก การวางระเบียบการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการที่มีขั้นตอนซับซ้อน การบริหารห่วง โซ่อุปทาน การจัดการคลัง พัสดุ การบริหารการขนส่งและการกระจายสินค้า ดำเนินการและตรวจสอบการควบคุมคุณภาพการ ผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพหรือวิธีการปฏิบัติงานในโรงงานเพื่อให้ลดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นและคุณภาพที่สม่ำเสมอของสินค้าโดยการลด ของเสียทั้ง 7 เช่น การรอคอย การผลิตที่เกินความจำเป็น รวมไปถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการใหม่ๆ การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน อัตราการคืนทุน

ถึงแม้คำว่า “วิศวกรรมอุตสาหการ” จะถูกใช้เพื่อสื่อถึงงานทางด้านการผลิตในโรงงาน แต่ในปัจจุบันขอบข่ายของงานได้ครอบคลุมไปถึงงานด้านอื่นรวมถึง ธุรกิจการให้บริการ สาขาอื่นๆที่ใกล้เคียงกับวิศวกรรมอุตสาหการได้แก่ การวิจัยดำเนินงาน การบริการการ จัดการ วิศวกรรมระบบ วิศวกรรมการผลิต วิศวกรรมคุณภาพ การยศาสตร์ วิศวกกรรมการ บำรุงรักษา วิทยาการบริหารจัดการ วิศวกรรมความปลอดภัย การจัดการวิศวกรรม

วิศวกรรมสำรวจ


วิศวกรรมสำรวจ เป็นศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ บันทึก ประมวลผล วิเคราะห์ เผยแพร่ และ การใช้งานสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นเชิงภูมิศาสตร์ (ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนผิวโลก) อวกาศ และใต้ดิน วิศวกรรมสำรวจประกอบด้วยสาขาวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันเพื่อให้เข้าใจลักษณะแบบจำลองของปรากฏการณ์ทางกายภาพต่างๆ และสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นลงมาเป็นข้อมูลรูปแผนที่ที่มีความถูกต้องและ น่าเชื่อถือทางตำแหน่งและข้อมูลอธิบายปรากฏการณ์นั้นๆ สาขาวิชาวิศวกรรมสำรวจประกอบด้วย

* ระบบภูมิสารสนเทศ (Geo-Information System, GIS)
* การรังวัดด้วยสัญญาณระบบดาวเทียมนำหน (Global Navigation Satellite System, GNSS)
* การรังวัดและทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ (Digital Photogrammetry)
* การรังวัดและทำแผนที่จากภาพดาวเทียมรายละเอียดสูง (High Resolution Satellite Imagery)
* การสำรวจระยะไกล (Remote Sensing)
* การทำแผนที่ด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer-assisted Mapping)
* งานรังวัดขั้นสูง (Geodetic Surveying) และงานรังวัดความละเอียดสูง (High Precision Measurement)

วิศวกรเหมืองแร่


วิศวกรเหมืองแร่ เป็นอาชีพในสาขาวิศวกรรมที่เก่าแก่ ในประเทศที่พัฒนาด้านอุตสาหกรรมหนักอย่างรวดเร็ว จะให้ความสำคัญแก่สาขาวิศวกรรมเหมืองแร่มาก เพราะเป็นสาขาที่เกี่ยวกับการนำสินแร่และโลหะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมพื้นฐานที่จำเป็นมาใช้งาน

ตลาดงานของวิศวกรรมเหมืองแร่
หน่วยรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรม ( กรมทรัพยากรธรณี ) กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานเอกชน บริษัทเหมืองแร่และโรงแต่งแร่ต่างๆ ทั่วประเทศและในอินโดจีน ( ลาว พม่า เวียดนาม ) เช่น เหมืองทองคำ ตะกั่ว สังกะสี ถ่านหิน ยิบซั่ม เฟลด์สปาร์ โดไมท์ แบไรท์ ดินดำ บอลเคลย์ ดินขาว และโรงงานผลิตผงคาร์บอเนต และปูนขาว ปูนไฮเดรต และ Precipitated limestone เป็นต้น โรงปูนซิเมนต์ต่างๆ ( บริษัท ปูนทีพีไอ ปูนเอเซีย ปูนซิเมนต์ไทย ปูนซิเมนต์นครหลวง ชลประทานซีเมนต์ และบริษัท ปูนซิเมนต์ขนาดเล็ก เช่น สระบุรีซิเมนต์ เป็นต้น ) โรงถลุงและการแปรรูปโลหะ บริษัทที่ขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ บริษัทก่อสร้างที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้วัตถุระเบิดสำหรับการทำถนน ผ่านภูเขาและการเจาะอุโมงค์ การสร้างเขื่อน เหมืองหิน ( ปัจจุบันเหมืองหินจำเป็นต้องใช้วิชาการมากขึ้น เพื่อดูแลการระเบิดหิน การย่อยและคัดขนาดโดยไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนรอบข้าง ) งานขายเครื่องจักรกลหนัก ขายวัตถุระเบิด และงานการตลาดแร่และวัสดุระหว่างประเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัทสำรวจปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

วิศวกรรมอากาศยาน


วิศวกรรมอากาศยาน เป็นสาขาที่เกี่ยวกับ อากาศยาน และ ยานอวกาศ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยอาศัยความรู้ทางด้าน

* อากาศพลศาสตร์ – การศึกษาการไหลของของไหล (fluid) รอบ ๆ วัตถุ เช่น ปีก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาโดย การทดลอง เช่น ผ่านอุโมงค์ลม, ทางทฤษฎี เช่น การคำนวณวิเคราะห์ หรือ การจำลองด้วย คอมพิวเตอร์ (simulation)
* การขับเคลื่อน (Propulsion) – พลังงานที่ใช้เคลื่อนยานพาหนะผ่านอากาศ (หรืออวกาศ) ซึ่งอาจจะโดยเครื่องยนต์ เผาไหม้ภายใน, เครื่องยนต์เจท, จรวด หรือ การขับเคลื่อน ด้วยไอออน
* การควบคุม หรือ พลศาสตร์การบิน (Flight Dynamics) – การศึกษาการควบคุมบังคับอากาศยานเพื่อให้อยู่ในความตำแหน่ง, ความสูง, ความเร็ว, และความเร่งที่ต้องการอย่างมีเสถียรภาพ
* โครงสร้าง – การออกแบบโครงสร้างทางกายภาพของอากาศยาน เพื่อให้สามารถทนต่อแรงที่กระทำระหว่างการบิน
* วัสดุศาสตร์ – การศึกษาเกี่ยวกับวัสดุสำหรับการสร้างอากาศยาน
* การยืดหยุ่นทาง อากาศ (Aeroelasticity) – ปฏิสัมพันธ์ของแรงทางอากาศพลศาสตร์ กับ ความยืดหยุ่นของโครงสร้างอากาศยาน

ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นสาขาที่ใหม่ และยังไม่เติบโตเต็มที่เหมือนกับวิศวกรรมศาสตร์สาขาอื่น ๆ เช่น วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอุตสาหการ หรือ วิศวกรรมเคมี

วิศวกรรมอาหาร

วิศวกรรมการอาหาร เป็นแขนงหนึ่งของวิศวกรรมเครื่องกล ซึ่งเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอาหาร โดยใช้หลักการทางวิศวกรรมเครื่องกลมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับกระบวนการแปร รูปอาหาร และคุณสมบัติเฉพาะของอาหารประเภทนั้นๆ เนื้อหาใจความหลักของสาขาวิชานี้ได้แก่

* การออกแบบเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอาหาร เช่น เครื่องฆ่าเชื้อด้วยความร้อน , เครื่องทอด เป็นต้น
* พื้นฐานทางวิศวกรรม เช่น กลศาสตร์ของแข็ง , กลศาสตร์ของไหล ,อุณหพลศาสตร์ และ การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เป็นต้น
* หน่วยปฏิบัติการวิศวกรรมอาหาร ( Unit Operation Of Food Engineering )
* เครื่องมือแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหาร

เนื้อหาใจความเสริมของสาขาวิชานี้ได้แก่

* เทคโนโลยีชีวภาพในการผลิตอาหาร
* การออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหาร
* การควบคุมคุณภาพในการผลิตอาหาร
* ความปลอดภัยของ อาหารในขั้นตอนการผลิต
* การออกแบบกระบวนการทางจุลชีววิทยาและทางเคมีในการตรวจสอบอาหาร

วิศวกรรมอาหารมีความเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อมกับสาขาวิชาที่เกี่ยว กับการผลิตอาหาร เช่น

* โภชนาการ
* วิทยาศาสตร์การ เกษตร
* การประมง
* การปรับปรุง พันธุ์พืช

สาขาของวิศวกร

วิศวกรก้อมาหลายสาขา แล้วแต่เราเลือกที่เราชอบ
สาขาของวิศวกรก็มี
* วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
* วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์
* วิศว กรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์
* วิศวกรรมไฟฟ้า
* วิศวกรรมโยธา
* วิศวกรรม ระบบสิ่งก่อสร้าง
* วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
* วิศวกรรมโทรคมนาคม
* วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทร คมนาคม
* วิศวกรรมเคมี
* วิศวกรรมชีวเวช
* วิศวกรรมการผลิต
* วิศวกรรมเกษตร
* วิศวกรรมทรัพยากร น้ำ
* วิศวกรรมดินและน้ำ
* วิศวกรรมขนส่ง
* วิศวกรรมขนถ่าย วัสดุ
* วิศวกรรมความ ปลอดภัย
* วิศวกรรม ปิโตรเลียม
* วิศวกรรมปิโตรเคมี
* วิศวกรรมซอฟต์แวร์
* วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร
* วิศวกรรมสารสนเทศ
* วิศวกรรมสื่อสาร
* วิศวกรรมชายฝั่ง
* วิศวกรรมสมุทรศาสตร์
* วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
* วิศวกรรม ไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต
* วิศวกรรม เครื่องกลและการผลิต
* วิศวกรรมเครื่องกล
* วิศวกรรมระบบอุปกรณ์และการควบคุม
* วิศวกรรมโลหการ
* วิศวกรรมวัสดุ
* วิศวกรรมอุตสาหการ
* วิศวกรรมสำรวจ
* วิศวกรรมเหมืองแร่
* วิศวกรรมอวกาศยาน
* วิศวกรรมอาหาร
* วิศวกรรมพลาสติก
* วิศวกรรมพอลิเมอร์
* วิศวกรรมต่อเรือ
* วิศวกรรมการจัดการ

เส้นทางการเป็นวิศวกร

Posted on วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 | 1 ความคิดเห็น

วิศวกร (computer engineering) วิศวกร ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านวิศวกรรม มีหน้าที่ ศึกษาวิเคราะห์ คำนวณ ออกแบบ ตรวจสอบแก้ไขปัญหาและควบคุมการผลิต อาทิ การก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง การออกแบบและผลิตรถยนต์ การควบคุมเครื่องจักรกลโรงงานต่าง ๆ โดยวิศวกรยังแบ่งออกได้เป็นหลายสาขา เช่น วิศวกรเครื่องกล วิศวกรโยธา วิศวกรไฟฟ้าวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมโทรคมนาคม วิศวกรรมเกษตร วิศวกรรมอากาศยาน วิศวกรรมโลหการ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเซรามิก วิศวกรรมเหมืองแร่ วิศวกรรมยานยนต์ วิศวกรรมธรณี ฯลฯ

กฎหมายไทย (กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 และ 4 (พ.ศ. 2508) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505) กำหนดให้ วิศวกรในบางสาขาจำเป็นต้องมีใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม หรือที่รู้จักกันว่า "ใบกว." เพื่อการประกอบอาชีพด้วย ได้แก่ สาขา โยธา เครื่องกล ไฟฟ้ากำลัง ไฟฟ้าสื่อสาร อุตสาหการ เหมืองแร่ สิ่งแวดล้อม และเคมี ใบประกอบวิชาวิศวกรรมแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ1ภาคีวิศวกร2.สามัญวิศวกร 3.วุฒิวิศวกร โดยมีสภาวิศวกรเป็นผู้พิจารณาออกใบอนุญาต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ แขนง ลักษณะ และ ขนาด ของงานด้วย เช่น ขอบเขตของงานให้คำปรึกษาของสาขาวิศวกรรมโยธา ข้อหนึ่งคือ "อาคารตั้งแต่สามชั้นขึ้นไปที่ก่อสร้างห่างจากทางสาธารณะไม่เกินสิบสี่เมตร" หรือ งานออกแบบและคำนวณ ของสาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม กำหนดขอบเขต คือ "งานอุตสาหกรรมของโรงงานที่ใช้ลูกจ้าง ตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปหรือของโรงงานขนาดที่ต้องลงทุนตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้น ไป" - หากสาขา แขนง ลักษณะ และ ขนาดของงาน ไม่เข้าข่ายที่กำหนด ก็ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต ปัจจุบัน การศึกษาทางด้านวิศวกรรมในประเทศไทย ได้มีการขยายตัวมากขึ้น มีสถาบันการศึกษาหลายสถาบันได้ทำการเปิดสอนในหลักสูตร "วิศวกรรม ศาสตรบัณฑิต" ทำให้โอกาสทางการศึกษาทางด้านวิศวกรรมมีเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สถาบันการศึกษาเหล่านั้นก็จะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของการศึกษาด้วยความ เอาใจใส่ เพื่อคุณภาพของ "บัณฑิต วิศวกรรม"